ใหม่ “ไหมสปริง” หรือ Spring Lifting

หลายท่านคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะค่ะ ไหมสปริงถือเป็นไหมตัวใหม่ล่าสุด ที่ผ่านอย. เรียบร้อยแล้วค่ะ เส้นใหมมีขนาดใหญ่ขึ้น ที่พิเศษคือมีลักษณะเป็นเกลียวกลมอยู่รอบเส้นไหม ตลอดเส้นคล้ายลักษณะของคอลลาเจน ดังนั้นการร้อยไหมสปริงนอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่แล้ว ก็ยังเชื่อกันว่าลักษณะเกลียวกลมที่อยู่รอบๆ เส้นไหมจะช่วยเกาะเกี่ยวกับเนื้อเยื่อของผิวได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และสามารถต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงได้ดีขึ้น ผลของการร้อยจะอยู่ได้นานมากขึ้นกว่าไหมละลายปกติ

ชนิดของไหมที่นิยมในปัจจุบันมีดังนี้

-ไหมฟันปลา(Aptos threads) เป็นไหมไม่ละลายมีรอยฟันปลาตลอดเส้นเพื่อเกี่ยวกับผิวหนัง วิธีทำต้องใช้เข็มเบอร์ใหญ่ในการร้อย ทำให้มีอาการบาดเจ็บและรอยฟกช้ำมาก จึงไม่เป็นที่นิยม
-ไหมทองคำ (Goldthread) เป็นโลหะที่ไม่ละลาย ดังนั้นเส้นไหมทองคำก็จะอยู่ในผิวไปตลอด หลังการรักษาควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น เลเซอร์ หรือ การทำทรีทเม้นต์ที่มีความร้อน เนื่องจากอาจทำให้เส้นไหมทองคำขาดได้
-ไหมละลาย (PDO) เป็นไหมที่ใช้ทั่วไปในวงการแพทย์ ไม่มีปฏิกิริยาแพ้ใดๆ โดยไหมจะค่อยๆละลายไปภายใน 6เดือน ข้อดีคือไม่เหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก ข้อเสียคือผลการรักษาจะอยู่ได้ 2-3 ปี หลังจากนั้นต้องทำซ้ำ
-ไหมสปริง(Spiral threads) เป็นไหมตัวล่าสุดที่เพิ่งผ่าน อย. ไหมจะมีลักษณะเป็นเส้นยาวโดยตรงกลางเส้นไหมจะยืดหยุ่นคล้ายสปริง ข้อดีคือใช้ไหมจำนวนน้อย ตรงจุด ตัวไหมจะไม่ละลายเหมือนไหมทองคำ ดังนั้นผลการรักษาจะอยู่ได้นานกว่าไหม PDO

ทั้งนี้ต้องขอย้ำเหมือนเดิมค่ะ ว่าการตัดสินใจรักษาโดยวิธีใด ควรทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เท่านั้นค่ะ ^^
The Face Clinic : 02-7122334
The Face Aesthetic คลินิกเวชกรรมความงาม ปรับรูปหน้าเรียว เลเซอร์ฝ้า เลเซอร์ผิวขาว
ร้อยไหม ด้วยทีมแพทย์มืออาชีพเพื่อความงามของคุณ
Call center : 02-7122334
LINE official : theface_aesthetic
Instragram : theface_aesthetic
Facebook : https://www.facebook.com/thefaceclinic