สำหรับการกำจัดขน คงเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคยนะครับ จริงๆ แล้ววิธีกำจัดขนมีเยอะมาก ทั้งถอน โกน แว๊กซ์ หรือใช้สารเคมี แต่วิธีพวกนี้เป็นเพียงการกำจัดขนชั่วคราวเท่านั้นครับ สำหรับการกำจัดขนที่ถาวรคือการใช้เลเซอร์ครับ และพวกเลเซอร์ ก็ยังมีให้เลือกอีก 4-5 ตัว เดี๋ยวเรามาดูกันทีละตัว ดีกว่าครับ
1. IPL
คือ คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่น 590-1,200nm เป็นการใช้แสงความเข้มสูง ผ่านมีตัวกรองแสงที่เป็นแท่งแก้วปริซึม เพื่อสร้างแสงมีความยาวคลื่นต่างๆกันออกมา โดยแสงที่ได้จะมีความยาวคลื่นได้หลากหลายขึ้นกับตัวกรองแสง สามารถทำลายรากขน แต่พลังงานไม่มากและไม่จำเพาะเพียงพอที่จะทำลายรากขนได้ทั้งหมด แค่พอกำจัดขนได้บ้างแต่จะเสี่ยงต่อผิวไหม้ ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพราะผิวหนังอาจดูดซับพลังงานที่มากเกินไปทำให้ผิวไหม้ได้โดยเฉพาะคนผิวสีเข้มครับ ตัวนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพน้อยที่สุดในการกำจัดขนนะครับ
จากรูปจะเห็นว่าIPL จะไม่เฉพาะเจาะจงลงไปที่รากขน ทำให้ประสิทธิภาพการกำจัดน้อยกว่า laser
2 Long-pulsed ruby laser
คือคือเลเซอร์ที่ใช้ตัวกลางในการผลิตแสงเป็นสารผลึกของแข็ง(ผลึกทับทิม) มีลักษณะของคลื่นเป็นแบบพัลส์ยาวมีความยาวคลื่นอยู่ที่694 นาโนเมตรครับเนื้อเยื่อเป้าหมายคือเมลานิน(เม็ดสี) ความสามารถในการจับเมลานีน คือปานกลางพลังงานสามารถลงถึงระดับความลึกผิวหนังชั้นในส่วนกลาง(mid-dermis)ความสามารถกำจัดขนก็จะดีกว่า IPL แต่ก็ยังไม่ลึกถึงรากขนจริงๆ
3 Long-pulsed Alexandrite laser
คือคือเลเซอร์ที่ใช้ตัวกลางในการผลิตแสงเป็นสารผลึกของแข็ง(ผลึกอเล็กแซนไดร์) มีความยาวคลื่นอยู่ที่755 นาโนเมตร เนื้อเยื่อเป้าหมายคือเมลานิน(เม็ดสี), ฮีโมโกบิน(เส้นเลือด), น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก(สีดำ)
เลเซอร์สามารถลงถึงระดับผิวหนังชั้นในส่วนลึก(deep dermis) ความสามารถในการจับเมลานีนอยู่ในเกณฑ์ดี จึงทำให้เครื่องมือกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพในการขจัดขนได้ดีกว่าIPL และLong Pulsed Ruby laser
4. Long Pulse ND-YAG Laser
คือเลเซอร์ที่มีแหล่งกำเนิดคือNdYaG (ผลึกYttrium-aluminum garnet ที่มีสารเจือปนคือNeodymium) เรียกสั้นๆว่านีโอดีเมียม: แย๊กมีความยาวคลื่น1,064nm นิยมมากที่สุดในบ้านเราครับ ความยาวของคลื่นสูงเลเซอร์สามารถลงถึงระดับความลึกผิวหนังชั้นในส่วนลึก(deep dermis) ความลึกอยู่ที่ประมาณ7 มิลลิเมตรความสามารถการจับเมลานีน (เม็ดสี) ดีมาก
5. Diode Laser
คือเลเซอร์ที่มีตัวDiode เป็นแหล่งกำเนิดมีความยาวคลื่นค่อนข้างหลากหลาย800-810, 940, 1,064-1,350นาโนเมตรซึ่งสามารถดูดซับmelanin ค่อนข้างมากเนื้อเยื่อเป้าหมายคือเมลานิน(เม็ดสี), ฮีโมโกบิน(เส้นเลือด), น้ำหมึกที่ใช้ในการสัก(สีดำ) พลังงานสามารถลงลึกถึงระดับผิวหนังชั้นในส่วนลึก(deep dermis)จึงทำให้เครื่องมือกลุ่มนี้มีประสิทธิภาพในการขจัดขนได้ดีมากๆ และใช้ได้กับหลากหลายลักษณะ
ก่อนจะมาคุยว่าอะไรดีกว่าอะไร หมออยากอธิบายเรื่องการทำงานของเลเซอร์กำจัดขนเพิ่มแบบนี้ครับ
หลักการทำงาน แสงเลเซอร์จะกำจัดขนโดยการส่งผ่านพลังงานแสงเลเซอร์ไปที่รากขนโดยเมลานิน(เซลล์เม็ดสี) ที่รากขนจะดูดซับพลังงานแสงหลังจากนั้นพลังงานแสงจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่มีเซลล์เม็ดสีถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วเส้นขนรากขนและเนื้อเยื่อต่างๆที่ทำหน้าที่ผลิตขนก็จะถูกทำลายไปด้วยเช่นกันรวมถึงเนื้อเยื่อเชื่อมต่อบริเวณรากขนและเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงด้วย(mesenchyme) ทำให้ไม่สามารถผลิตstem cells ที่ทำให้ขนงอกได้ เป็นผลให้วงจรการเกิดขนใหม่จะช้าออกไปเรื่อยๆเส้นขนที่เกิดใหม่จะมีขนาดที่เล็กลงสีอ่อนลงและจะค่อยๆขึ้นน้อยลงและหากเลเซอร์ซ้ำๆเส้นขนก็จะค่อยๆหมดไปในที่สุดครับ
แล้วตกลงว่าเครื่องไหนดีกว่ากัน
จะดูว่าเครื่องไหนดี ก็ต้องมาดูกันว่าการกำจัดขนโดยเลเซอร์จะได้ผลดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?
1.ขึ้นอยู่กับพลังงานที่สูงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการกำจัดขนถ้าพลังงานสูงพอก็จะสามารถส่งไปถึงบริเวณรากลึกของขนในรูขุมขนทำให้สามารถทำลายเซลล์เป้าหมายที่รูขุมขนได้ เพราะฉะนั้นเลเซอร์กลุ่มที่ลงลึกถึงรากรูขุมขนก็จะมี ND-YAG และ Diode Laser ที่มีความยาว900nm ขึ้นไป
2.ความลึกของรากขน (ความยาวคลื่นมีระดับการทะลุทะลวง(penetration depth) ลึกไปถึงรากขนหรือไม่) ข้อนี้ต้องยกให้ ND-YAGและ Diode Laser ที่มีความยาว 900nm ขั้นไปเหมือนกันครับ
3.สีผิวและสีขน (สีผิวและสีขนสีเข้มมีเม็ดสีเยอะผิวขาวและขนสีอ่อนมีเม็ดสีน้อยจึงเหมาะกันคลื่นที่มีความยาวต่างกัน) ถ้าคุณเป็นคนผิวขาวและเส้นขนสีดำกลุ่มนี้จะง่ายมากครับเครื่องไหนก็เอาอยู่IPL หมอว่าก็ยิงได้แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวขาวและเส้นขนสีอ่อนควรเลือกกลุ่ม2 Long-pulsed ruby laserหรือLong-pulsed Alexandrite laser ก็ได้ครับ
4.ความยาวคลื่น (มีผลต่อการดูดจับเม็ดสีเมลานีน คลื่นยาวเหมาะกับคนที่มีสีผิวเข้มคลื่นสั้นเหมาะกับคนผิวขาว) อย่างเช่นLong pulse NdYAG จะกำจัดขนอ่อน หรือขนมีสีน้ำตาลได้ไม่หมด ไม่ดีเท่ากลุ่มที่มีความยาวคลื่น 755nm alexandriteและ 810nm. diode laser ครับ
5.วงจรชีวิตของเส้นขน มีงานวิจัยพบว่าการกำจัดขนในวงจรชิวิตของขนที่ต่างกันให้ผลที่ต่างกันเลเซอร์แบบlong pulse ที่เราใช้กันให้ผลการรักษาได้ดีในเฉพาะระยะเจริญตัว(ระยะanagen) ของเส้นขนเท่านั้นนะครับ
ขอสรุปอีกรอบนะครับ
ปัจจุบันเราไม่ต้องเลือกมากแล้วครับ เพราะมีการพัฒนาเครื่องเลเซอร์กำจัดขนตัวใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานความยาวคลื่นไว้ ทั้งหมด 3 ระดับ เพื่อสามารถตอบโจทย์ครอบคลุม ทุกสีผิว ทุกสีขน และลักษณะเส้นขน ที่ต่างกันไป
เครื่องตัวนี้เรียกว่า Soprano ICE ครับ มันรวบรวมความยาวคลื่นไว้ทั้งหมด ทั้ง 3 wave length จึงสามารถตอบโจทย์ครอบคลุมทุกลักษณะสีขน สีผิว และทุกลักษณะเส้นขน โดยเครื่องรุ่นนี้มีระบบความเย็น Cooling Touch มาช่วยป้องกันผิวหนังชั้นบนไม่ให้เกิดการไหม้ ทำให้สามารถใช้กำจัดขนในคนผิวเข้มได้ โดยไม่ต้องกลัวผิวไหม้ หรือ burn เลยครับ
และล่าสุดครับ ปีนี้ 2019 ได้มีการพัฒนา soprano ICE Platinum
เพิ่มเทคโนโลยีให้ระบบวิ่งวนสะสมพลังงาน ลดความเจ็บ ต่างจากเลเซอร์ชนิดเดิม ตอนทำจะรู้สึกสบายๆเหมือนมาทำสปา และใช้เวลาในการรักษาน้อยอีกด้วย
จุดเด่นของเครื่องอยู่ที่ ความยาวคลื่นที่ผสมผสาน 3 ระดับ คือ 755nm 810nm และ 1064nmทำให้ประสิทธิภาพในการจับเมลานีนในเส้นขนดีกว่า และความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน ทำให้คลื่นสามารถทะลุสู่ผิวชั้นลึก และตื้นในเวลาเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เครื่อง Soprano ICE Platinum มีความสามารถในการกำจัดขน ได้ครอบคลุมทุกลักษณะเส้นขน และสีขนได้ดีที่สุดในปัจจุบันครับ
สาเหตุที่Soprano ICE Platinum ดีกว่าเครื่องตัวอื่น
ก่อนตอบคำถามนี้ต้องบอกกว่าว่า ที่คลินิก The Face Aesthetic เรามีทั้ง 4 เครื่องนะครับ ทั้ง IPL , Q switch (บางคลินิกเอามายิงกำจัดขนครับ ซึ่งไม่เวริ์ค หมอพูดเลย) ND-YAG, แล้วก็ Soprano ICE Platinum เลยกล้าตอบ ว่ามันดีกว่าตัวอื่นยังไง
Laser กำจัดขนSoprano ICE Platinum ดีกว่าตัวอื่นๆเพราะเป็นเครื่องกำจัดขนที่มีเทคโนโลยีล่าสุดปี2019 ผสมผสานของคลื่นเลเซอร์ทั้งหมด3 ระดับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ในการกำจัดขนที่ได้ผลดีที่สุดเพราะสามารถกำจัดได้ทุกประเภทของขนทุกสีขนทุกขนาดของขนหมอขออธิบายว่า ตัวคลื่น 3 ระดับนี้มันทำงานต่างกันยังไง แล้วเมื่อมารวมกัน มันทำให้ผลลัพธ์ของการกำจัดขนดีกว่ายังไงนะครับ
ALEX 755nm WAVELENGTH
ความยาวคลื่นAlexandrite มีประสิทธิภาพมากในเรื่องการดูดซับพลังงานเมลานินทำให้สามารถจับสีขนอ่อนๆ ได้เป็นอย่างดี และพวกขนเส้นเล็กๆก็สามารถจับได้โดยพลังงานจะลงไปทำงานกับผิวชั้นบนๆเหมาะมากกับผิวบริเวณคิ้วขนเหนือริมฝีปากขนอ่อนทั่วหน้าหรือบริเวณแก้มครับ
Speed 810nm WAVELENGTH
ความยาว810nm จะเป็นความยาวคลื่นระดับกลางมีอัตราการปล่อยพลังงานซ้ำสูงขึ้นและมีขนาดจุดในการยิงประมาณ2 ซม.ทำให้การรักษารวดเร็วขึ้นสำหรับคลื่น810nm มีระดับการดูดซึมเมลานินในระดับปานกลางทำให้ปลอดภัยสำหรับผิวคล้ำหรือผิวแทนความสามารถในการเจาะลึกลงชั้นผิวช่วงBulge(กระเปาะของรูขุมขน) ทำให้เหมาะสำหรับการรักษาแขนขา แก้มและเครามากที่สุดครับ
YAG 1064nm WAVELENGTH
สำหรับความยาวคลื่น 1064 นั้น จะดูดซึมเมลามีน ต่ำที่สุด แต่ความสามารถในการเจาะลึกลงชั้นผิวลึกที่สุด ทำให้เลเซอร์ลงไปถึงรากขน ความยาวคลื่นตัวนี้จะเหมาะกับ เส้นขนที่มีความหนา และมีสีดำมากที่สุด ขนอ่อนๆ หรือเส้นบางๆ จะไม่ค่อยเห็นผลครับ
รูปแสดงระดับการทำงานของคลื่นแต่ละตัวของเครื่อง Soprano ICE Platinum
ทีนี้พอทั้ง 3 ระดับ มารวมกัน ทำให้การกำจัดขนแม้จะเป็นครั้งหลังๆ ที่ขนเริ่มบาง สีเริ่มอ่อน ก็สามารถทำได้ และเห็นผลดี รวมทั้งเป็นการรักษาที่ปลอดภัย ไม่เจ็บ ยิ่งทำให้หมอทำงานง่ายขึ้น สามารถยิงซ้ำจนทั่วได้มากกว่าเครื่องรุ่นอื่นๆ ครับ
เหตุผลที่หมอเลือกSoprano ICE Platinum
- เรื่องผลลัพธ์ที่ดีมั่นใจว่า ขนถูกกำจัดไปถาวร สีขนอ่อนแค่ไหนก็ไม่มีปัญหาครับ
- มั่นใจว่าผิวคนไข้ไม่ burn ครับ เวลาหมอทำงานจะไม่กังวลสามารถยิงซ้ำได้ตามที่ต้องการ
- ด้วยเครื่องที่มีระบบ cooling touch (ความเย็นที่หัวเลเซอร์)ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะทำ หมอทำงานง่ายครับ ไม่ต้องหยุดพัก เหมือนเครื่อง YAG หรือเครื่องอื่นๆ
- ทำงานได้เร็วขึ้น อย่างปกติหมอทำ Full leg หรือ Full arm ด้วยเครื่อง YAG ต่ำๆ ต้องครึ่งชั่วโมง ถึง 45 นาที ถ้าใช้เครื่อง Soprano ICE Platinum สามารถทำเสร็จได้แค่20 นาทีครับ
- ผลพลอยได้ ที่เห็นชัด คือผิวบริเวณที่กำจัดคนนอกจากจะเรียบเนียนขึ้น ยังดูขาวใสขึ้น อีกด้วยครับ
การกำจัดขนไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้ชายนะครับ เมื่อก่อนที่เคยเจ็บ เคยแสบร้อน สมัยนี้ไม่ต้องทนเจ็บแล้วครับ แล้วเรื่องขนอ่อนๆ กำจัดไม่หมดซะที มาทางนี้เลยครับ !!!