เมื่อพูดเรื่องไขมัน หรือเซลลูไลท์ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเก็บเอาไว้กับตัว ปัจจุบันการกำจัดเจ้าตัวปัญหาเหล่านี้ มีหลากหลายวิธีจนเลือกไม่ถูก ลองมาดูกันว่าวิธีไหนเหมาะกับใครนะคะ
กลุ่มแรก Invasive เป็นการใช้เครื่องมือสอดเข้าสู่ร่างกาย
กลุ่มแรกมีวิธีดังนี้
Vaser Therapy
การดูดไขมัน ด้วยเครื่อง Vaser เป็นการเจาะรูขนาดเล็กประมาณ 1 Cm เพื่อสอดท่อ probe ultrasonic เพื่อทำการดูดไขมันออกมาจากร่างกาย อย่างไรก็ดีวิธีนี้ก็อาจจะทำให้เกิดความบาดเจ็บกับเส้นเลือด เส้นประสาท ทำให้คนไข้มีการปวด ข้ำ หลังการรักษาได้
Carboxy Therapy
เป็นการส่งผ่านแก๊ซลงสู่ผิวบริเวณที่มีไขมัน เพื่อทำให้ไขมันแตกตัวและสลายออกมาด้วยระบบการขับถ่ายของเสียของร่างกายตามปกติ (ระบบน้ำเหลือง) Carboxy therapy เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้อ้วนเกินไป หรือมีไขมันแค่เฉพาะส่วนเท่านั้น
Meso Fat Therapy
เป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก และเจาะตื้นเพียงไม่กี่มิลลิเมตร โดยการส่งตัวยา และแร่ธาตุที่ใช้ในการเผาผลาญไขมันในปริมาณเข้มข้นเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนังเพื่อให้ไขมันแตกตัว ไม่นับว่าเป็นการกำจัดไขมันแบบ Invasive เหมือนกับ
Carboxytherapy
เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้อ้วนเกินไป หรือมีไขมันแค่เฉพาะส่วนเท่านั้น
กลุ่มที่สอง Non-Invasive คือการกำจัดไขมันโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือสอดเข้าสู่ร่างกาย
กลุ่มนี้มีหลากหลายวิธีดังนี้
Massages
การนวดโดยผู้เชี่ยวชาญ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มระดับการไหลเวียนของเลือด และยังช่วยให้เซลล์ไขมันแตกตัว โดยต้องนวดแบบใช้แรงตบ หรือลงน้ำหนักมากๆ ผิวหนัง กล้ามเนื้อและไขมันที่เชื่อมติดกันจะยืดหยุ่น และช่วยให้ออกซิเจนเข้าไปได้ ออกซิเจนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเผาผลาญไขมัน ยิ่งร่างกายได้รับมาก จะยิ่งช่วยให้เกิดการเผาผลาญมากขึ้นการนวดอย่างเดียวนั้นจะไม่ทำให้ไขมันสลายไปได้ แต่ต้องออกกำลังกายหรือทำงานที่ใช้แรงควบคู่ไปด้วยการนวดจึงเป็นการเตรียมไขมันไว้สำหรับการกำจัดออกภายหลังโดยระบบการกำจัดของเสียของร่างกาย
Vacuum
เป็นระบบนวดสุญญากาศผสานระหว่างศาสตร์การแพทย์ตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันช่วยสลายไขมัน ลดผิวเปลือกส้ม รอยแตกลาย และกระชับผิว เพราะระบบนวดสุญญากาศทำให้เพิ่มการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองได้เป็นอย่างดี
Infrared Ray
เป็นการใช้เครื่องทำความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรดระยะไกล ทำให้ร่างกายสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายที่ดีขึ้นของต่อมเหงื่อ เมื่อร่างกายขับเหงื่อได้มากขึ้นทำให้มีการขับเกลือโลหะหนักและไขมันออกมามากขึ้นเช่นกัน
Radiofrequency
เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีนี้ จะปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อนๆ ในรูปของคลื่นความถี่วิทยุออกมา พลังงานจากการแสไฟฟ้าในช่วงคลื่นความถี่ต่ำนี้สามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังชั้นใน กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส หลอดเลือดขยายตัว ทำให้ระบบโลหิตและระบบน้ำเหลืองบริเวณนั้น ๆ ไหลเวียนดีขึ้น เซลล์ไขมนแตกตัวออกจากกัน และถูกขับออกจากร่างกายด้วยระบบน้ำเหลือง ซึ่งจะได้ผิวหนังที่กระชับขึ้นด้วย โดยทั่วไปการกำจัดไขมันด้วย เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุนั้นจะใช้ควบคู่กับเทคโนโลยีอื่นด้วยเพื่อผลที่เป็นที่พอใจมากยิ่งขึ้น
Freeze Lipo Therapy
นับเป็นวิธีล่าสุดในการสลายไขมัน โดยมีหลักการคือทำลายไขมันด้วยความเย็นระดับติดลบ โดยไม่มีผลต่อเซลล์ข้างเคียง หรือเซลล์ผิวหนังอื่นๆ เซลล์ไขมันที่ถูกคลื่นความเย็นนี้จะค่อยๆทำลายตัวเองไปเรื่อยๆ และร่างกายก็จะกำจัด เซลล์ที่ตายแล้วเหล่านี้ออกไปตามกระบวนการขับน้ำเหลืองตามปกติของร่างกาย ได้ผลเช่นเดียวกับการดูดไขมัน แต่ไม่เจ็บตัว ไม่มีแผลเปิด ไม่ต้องพักฟื้น ผู้ที่ได้รับการรักษาจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ชั้นไขมันจะหดเล็กลง และจะเห็นผลอย่างชัดเจนหลังรับการรักษา 2-3 เดือน คนไข้ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่มีการพักฟื้น ผิวหลังทำอาจจะเป็นรอยแดงๆ อยู่บ้าง หลังการรักษาสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ วิธีการนี้ยังเป็นวิธีการเดียวที่ได้รับ U.S. FDA approved ว่าสามารถสลายไขมันได้จริงทางการแพทย์โดยไม่ต้องผ่าตัด
วิธีนี้จะเหมาะมากกับคนที่มีไขมันสะสม ที่ทำให้รูปร่างไม่ได้สัดส่วน เช่น มีหน้าท้อง หรือเพิ่งคลอดลูก หน้าท้องทำอย่างไรก็ไม่ยุบ หรือคนเจ้าเนื้อที่มีไขมันมากบริเวณสะโพก ต้นขา ปีกหลังใต้วงแขน ผลการรักษาอยู่ได้ยาวนาน เช่นเดียวกับการดูดไขมัน ไม่กลับมาอ้วนอีก
สุดท้ายก็ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะกำจัดไขมันด้วยวิธีไหน แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือการควบคุมการทานอาหารในแต่ละวัน และออกกำลังกาย โดยวิธีออกกำลังกายที่ง่ายและเห็นผลที่สุดคือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เห็นผลมากกว่าการวิทอัพนะค่ะ ขอย้ำค่ะว่าต่อให้เอาไขมันออกไปจนหมด แต่ถ้ายังทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง และไม่ออกกำลังกายก็มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาอยู่กับเราได้อีกค่ะ