Fine Scan 1550 แตกต่างจาก Fraxel อย่างไร
ทั้ง Fine Scan 1550 และ Fraxel รุ่น Re:Store ต่างเป็น Erbium Fiber Fractional Laser ที่ความยาวช่วงคลื่น 1550 nm เหมือนกันครับ (หมอขอพูดถึงเฉพาะรุ่น Fractional CO2 Laser 10,600 nm และ Fraxel Re:fine คือ Erbium Fiber Fractional Laser ที่ความยาวช่วงคลื่น 1410 nm เท่านั้นนะครับ) เพียงแต่ Fraxel Re:Store เป็นเครื่องนำเข้าจาก USA ขณะที่ Fine Scan 1550 เป็นเลเซอร์ที่ประกอบในประเทศ แต่ใช้อะไหล่แท้จากอังกฤษ และหัวอ่าน Scanner จากอเมริกา
ข้อดีของ Fine Scan 1550 คือถูกพัฒนามาเพื่อผิวของคนไทยจริงๆ การตอบสนองต่อผิวคนเอเซียโดยเฉพาะคนไทย
ข้อดีของ Fine Scan 1550 คือถูกพัฒนามาเพื่อผิวของคนไทยจริงๆ การตอบสนองต่อผิวคนเอเซีย โดยเฉพาะ คนไทย มี parameter ที่เหมาะสม เพราะผ่านการทดสอบกับอาสาสมัครคนไทยมากกว่า 500 ราย โดยได้รับความร่วมมือจากวิทยาลัยแพทย์ชั้นนำ (จุฬา รามา ประสานมิตร) และยังพบว่าผลข้างเคียง เรื่องรอยดำ รอยแดง หลังทำ จะน้อยกว่า Fraxel Re:Store ครับ
หัวยิง (Tip or Touch screen) : Fine scan จะมีหัวยิง เป็นรูปสี่เหลี่ยม ที่เวลายิง จะวางที่ผิวหน้า โดยเพียงดึงผิวหน้าให้ตึง และมีขอบที่ชัดเจน เวลายิงจะทำให้น้ำหนักลงที่ผิวได้สม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวหัวยิง กะขอบเขตได้ง่าย ไม่ยิงซ้ำจุดเดิม ขณะที่บางยีห้อหัวยิง จะเป็นลูกกลิ้งๆ ไปที่ผิวหน้า ทำให้ควบคุมน้ำหนักมือได้ยากกว่า และอาจจะกลิ้งซ้ำไปซ้ำมาที่จุดเดิมได้ จึงทำให้ความร้อนในแต่ละจุดมากเกินไป หรือน้อยเกินไป จึงเกิดรอยดำหรือรอยแดง เป็นจ้ำๆ ได้ง่ายกว่า
Scanner type: ระบบในการควบคุมลำแสงเลเซอร์ เป็นแบบ dual axis scanner ที่นำเข้าจากอเมริกา มีหัวอ่านที่เร็วกว่ายี่ห้ออื่น จึงทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสม และเวลายิงพลังงานจากเลเซอร์ จะพ่นออกมาได้เหมือนสเปรย์สี และพ่นแบบสุ่มไปมาทั่วบริเวณ (random) จึงมีโอกาสเกิดความร้อนสะสมน้อยกว่า เช่นกัน ซึ่งจะแตกต่างจาก scanner แบบ single axis scanner ของยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งจะพ่นพลังงานเลเซอร์แบบคลี่พัดจีนหรือแปรงสี scan แนวเดียวทีละแถว ทำให้ความร้อนเกิดไม่สม่ำเสมอ โดยเมื่อยิ่งทำไปนานๆ ความร้อนจะสะสมที่หางแถวไปเรื่อยๆ จึงมักจะเกิดรอยดำหรือรอยแดงช้ำ ได้ง่ายกว่า
FINESCAN 1550 ใช้หลักการบีบลำแสงให้เล็กไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเส้นผม ซึ่งมีพลังงานสูงมาก ยิงลงบนผิวหนังในช่วงเวลา ไม่ถึง 1/1000 ของวินาที หมายถึง ในหนึ่งวินาที FINESCAN จะยิงไปแล้วหลายพันครั้ง ซึ่งเป็นการยิงแสงเลเซอร์ที่รวดเร็วและเที่ยงตรงมากๆ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยแต่ละจุดเล็กๆ จึงไม่มีแผลชัดเจน ไม่มีเลือด หรือสะเก็ดมากนัก หลังทำทรีทเม้นต์สามารถ ไปทำงานได้ตามปกติ เพราะว่าขนาดสะเก็ดแผลที่เกิดขึ้นมันเล็กจนมองเกือบไม่เห็นครับ
FINE SCAN 1550 นำมารักษาอะไรได้บ้าง
1. รอยหลุมสิว : จัดเป็นข้อเด่นของเลเซอร์ประเภทนี้ เพราะนำมาทดแทน Dermaroller, Dermapoints แบบไร้ที่ติ เพราะตอนนี้จะหา Dermaroller คุณภาพดีๆ เหมือนแต่ก่อนยากครับ และพบว่าจะแก้ไขข้อบกพร่องของ Dermapoints ที่หลังทำจะแดงนานกว่า และกว่ารอยแดงจะหาย จากการทำ Dermaroller,Dermapoints ประมาณ 1-3 สัปดาห์ ขณะที่รอยแดงหลังทำ Fine Scan จะหายใช้เวลาเพียง 1 วัน และพบว่าหลังทำ Fine Scan เพียงครั้งเดียว รอยหลุมสิวตื้นขึ้นประมาณ 30% (จากผลการวิจัย ในอาสาสมัครคนไทย 119 คน จาก สถาบันแพทย์รามา และพบรอยดำหลังทำ เพียง 2.5 % เท่านั้น)
2. รูขุมขนกว้าง : ใช้หลักการรักษาแบบ Rejuvenation โดยลอกผิวด้วยเลเซอร์ด้วยเทคนิค Micro-Laser Peel จึงเลือกระดับความลึกของการยิงเลเซอร์ได้ตามสภาพผิวหน้า และสีผิวของคนไข้ ตั้งแต่ 1/10มิลลิเมตร –2 มิลลิเมตรครับ ปกติถ้าใช้พลังงานต่ำ ก็ได้ผลน้อยและช้าแต่ผลข้างเคียง (เช่น รอยดำ รอยแดง) ก็จะน้อย ซึ่งถ้าใช้พลังงานสูง ก็ได้ผลดีและเร็วแต่ผลข้างเคียง (เช่น รอยดำ รอยแดง) ก็จะมากตาม และต้องมีการพักฟื้นหลังทำ แต่รอยดำ และรอยแดงจะหายไปในไม่ช้าครับ ไม่ต้องกังวล
3. ฝ้าชนิดตื้น เม็ดสีผิวผิดปกติ กระชนิดตื้น : เช่นกันโดยการลอกออกด้วยเลเซอร์ เพียงแต่พลังงานที่ใช้ ควรจะเหมาะสมกับเม็ดสีลานิน จากการศึกษาพบว่าได้ผลดีมากในกลุ่มที่เป็นกระ ฝ้าชนิดตื้นครับ แต่ในกลุ่มที่ฝ้าลึกจะได้ผลสู้กลุ่มเลเซอร์เม็ดสี (Q-switch Nd:YAG เช่น Revlite,Medilte C-6) ไม่ได้ครับ
4. ริ้วรอย เหี่ยวย่น รอบดวงตา : ใช้หลักการรักษาแบบ Rejuvenation เพียงแต่ปรับลำแสงให้เกิดการทำลายแบบ microinjuries เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นตื้นขึ้น ผิวหน้ากระชับขึ้น โดยพบว่า มีการวิจัยในอาสาสมัครคนไทย 120 คน (รพ.รามา) พบว่าหลังทำ 8 ครั้ง ห่างกันทุก 1 อาทิตย์ พบว่าริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ดีขึ้นประมาณ 40-50% ครับ
5. รอยแตกลาย : พบว่าได้ผลดี และเจ็บน้อยกว่าการทำคาร์บอกซี่ครับ ใช้เวลาน้อยกว่า หลักการก็เช่นกัน คือ ปรับลำแสงให้เกิดการทำลายแบบ microinjuries เพื่อทำลายพังผืดหรือเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ ที่รอยโรค กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และสร้างเม็ดสีเมลานินใหม่ สิผิวที่แตกลาย ก็จะค่อยจางลง โดยพบว่า มีการวิจัยในอาสาสมัครคนไทย 122 คน (มศว) พบว่า หลังทำ 3 ครั้ง ห่างกันทุก 4 สัปดาห์ พบว่า ริ้วรอยแตกลายดีขึ้น 70-90%
6. การรักษาสิวอักเสบเรื้อรัง : เนื่องจากปัญหาสิวอักเสบในบางคน มีสาเหตุจากความผิดปกติของต่อมไขมัน หรือท่อไขมัน ซึ่งต้องรักษาต่อเนื่อง และใช้เวลาในการรักษานาน ซึ่งการรักษาสิวแบบเดิมๆ เช่น การทายา พบว่าอาจจะทำให้เกิดการดื้อยาได้ หรือการทานยา อาจจะมีผลข้างเคียงได้ เช่น กลุ่ม โรแอคคิวเทรน จึงได้มีการทดลอง รักษาคนไข้กลุ่มนี้ ด้วยการทำ Fractional Laser พบว่า นอกจากจะทำให้ปัญหาสิวอักเสบ จากสาเหตุดังกล่าวดีขึ้นได้เร็ว และยังทำให้รอยแดง รอยดำ จากสิว ดีขึ้นได้ด้วย คล้ายๆ กับการใช้ Dermaroller มารักษาสิวครับ
FINE SCAN 1550 มีขั้นตอนการรักษาอย่างไร
ความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
ทายาชาลงบริเวณที่จะทำการรักษาทิ้งไว้ 45 -60 นาที
เช็ดยาชาและทำความสะอาดใบหน้า
แพทย์จะยิงเลเซอร์บนผิวจนทั่วบริเวณที่รักษา 1-3 รอบ จนครบตามขนาดพลังงานที่คำนวณไว้ในการรักษา
หลังทำ FINE SCAN 1550 จะรู้สึกอย่างไร
หลังการรักษาอาจจะมีอาการแดงเรื่อๆ ทั่วใบหน้า และ/หรือมีความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณที่ทำครับ ดังนั้นจึงควรทาครีมลดรอยแดง หรือโลชั่นลดการอักเสบ และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว (ซึ่งทางคลินิกจะทาให้อยู่แล้วครับ)
หลังการทำวันที่ 3-4 อาจจะพบสะเก็ดเหมือนผงพริกไทย ติดที่ใบหน้า หรือผิวหน้าอาจจะรู้สึกสากๆ เล็กน้อย แต่ไม่ถึงอาทิตย์ ผิวหน้าก็จะลอกออกหมด จะเห็นความแตกต่างตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำครับ
FINE SCAN 1550 ต้องทำบ่อยขนาดไหน
จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคลครับ
สำหรับการดูแลเรื่องแผลเป็นหลุมสิว ควรทำอย่างน้อย 4-6 ครั้ง ห่างกันทุก 2- 4 สัปดาห์
หลังทำ FINE SCAN 1550 จะเห็นผลเมื่อไร
หลังการรักษาครั้งแรกพบว่าได้ผลดีขึ้นประมาณร้อยละ 30 แต่จะเห็นผลชัดเจนภายหลังรักษา 3 เดือน หรือพบว่าหลังทำการรักษาประมาณ 5-10 ครั้ง พบว่าผลการรักษาจะได้ผลมากกว่า 60-80% ผลการรักษาจะคงอยู่ตราบเท่าที่ท่านเอาใจใส่ดูแลผิวพรรณอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอครับ