FUE HAIR TRANSPANT
ปลูกผมถาวรไร้รอยเย็บ
ต้องยอมรับว่าปัญหาผมร่วงเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายๆ คนในปัจจุบัน เพราะแน่นอนมันกระทบโดยตรงต่อสภาพจิตใจ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ไปทุกวัน ทำให้เรามีหนทางแก้ไขปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้หลายวิธี วิธีที่เห็นผลดีที่สุดคือ การปลูกผมถาวร Hair Transpant
การผ่าตัดปลูกถ่ายเส้นผมมีมานานแล้ว โดยแบบเก่าจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะมีแผลเป็นหลังทำ จึงมีการคิดค้นเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า การปลูกผมไร้รอยเย็บ FUE (Follicular Unit Extraction) วิธีนี้เป็นการปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัด ใช้เครื่องมือพิเศษที่มีหัวเจาะ เจาะหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย แล้วนำเอารากผมมาปลูกบริเวณที่มีศีรษะล้านซึ่งมีจุดเล็กมาก แทบมองไม่เห็น แผลจะสมานเองได้ โดยไม่ต้องเย็บแผล ไม่เจ็บเหมือนการปลูกผมแบบเก่า เส่นผมที่ขึ้นใหม่จะแข็งแรง ไม่ถอยร่น
เปรียบเทียบการปลูกผมแบบ FUT และ FUE
FUT (Follicular Unit Transplantation)
การปลูกผมที่ต้องผ่าตัด FUT – Follicular Unit Transplantation คือ เทคนิควิธีการศัลยกรรมปลูกผมโดยศัลยแพทย์จะทำการตัดหนังศีรษะออกมาแถบหนึ่ง เย็บหนังศีรษะเข้าหากัน แล้วนำแถบผมที่ได้มาแบ่งเซลล์ผมออกเป็นกอๆ (หรือที่มักเรียกกันว่า”กราฟ”) แล้วเอาไปปลูกในบริเวณที่ศีรษะล้าน
FUE (Follicular Unit Extraction)
การปลูกผมด้วยวิธีย้ายรากผม FUE- Follicular Unit Extraction เป็นเทคนิคเจาะเอารากผมเพื่อไปใช้ปลูก วิธีการคือใช้หัวเจาะขนาดเล็ก ที่มีความคมเจาะเอารากผมขึ้นมา แล้วย้ายไปปลูกในบริเวณที่หัวล้าน วิธีนี้ต้องทำอย่างละเอียดประณีตอย่างมาก เพราะการเจาะลงไปเอารากผมขึ้นมา ถ้าไม่ชำนาญจะทำให้หัวเจาะไปตัดรากผมขาดได้ วิธีนี้จึงใช้เวลานานและราคาค่อนข้างสูง แต่จะไม่มีปัญหาเรื่องแผลเป็นหลังการทำ และไม่มีปัญหาเรื่องผมถอยร่น
ภาพแสดงการเปรียบเทียบระหว่าง FUT และ FUE
ภาพแสดงการผ่าตัดปลูกผมแบบ FUT
ภาพแสดงการผ่าตัดปลูกผมแบบ FUE
ข้อจำกัดของการปลูกผมถาวร ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
- ศัลยกรรมปลูกผม ทำได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะทำวิธีนี้ได้ ผู้ที่จะสามารถทำการปลูกผม ด้วยศัลยกรรมแบบ FUT, FUE ได้ต้องมีผมที่ท้ายทอย หรือเหนือกกหู เป็นเส้นผมขนาดใหญ่ และปริมาณความหนาแน่นต้องมากพอ (ในคนปกติจะมีรากผม ประมาณ 50-80 รากต่อหนึ่งตารางเซ็นติเมตร ยิ่งมากกว่านี้ยิ่งดี)
- การปลูกให้ดูเหมือนธรรมชาติ สวยงามตามแนวผมเดิม นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของคุณหมอ และทีมผู้ช่วย ทั้งผู้ส่องกล้องหั่นเตรียมรากผม และผู้ที่นำรากผมมาปักปลูกภายใต้การกำกับ อย่างใกล้ชิดของคุณหมอ เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม ต้องดีมากๆ โดยเฉพาะกล้อง ขยายกำลังสูง ที่ใช้ในการเตรียมกร๊าฟท์ และเครื่องมือในการเจาะเพื่อสร้างรูขุมขนใหม่ รวมถึงพื้นที่ที่ผมบาง จะต้องไม่ใหญ่เกินไป
- การรักษาด้วยวิธีนี้จึงใช้เวลาทําค่อนข้างนานโดยปกติ1000-2000กร๊าฟท์จะใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง (แต่บางครั้ง 1,000 กราฟแรก อาจใช้เวลา ถึงเกือบ 5 ชั่วโมง) เพราะ คุณหมอต้องใช้สมาธิมาก
ผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัดที่ต้องระวัง
แม้ว่าการปลูกผมจะเป็นที่ยอมรับ ในวงการแพทย์ ทั้งไทยและทั่วโลกก็ตาม แต่ก็ยังมีผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ที่ไม่คาดคิดให้เห็นกันบ่อยๆ แม้จะเป็นฝีมือคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่สุดแล้วก็ตามครับ
- รากผมที่นำมาปลูกใหม่อักเสบ (Folliculitis) ข้อนี้ รักษาไม่ยากครับ แค่ทานยาปฏิชีวะนะก็หายครับ
- เส้นผมงอกม้วนเข้าไปในใต้ผิวหนัง (Ingrowing Hair) ทำให้มีตุ่มน้ำ และอักเสบเรื้อรัง มักจะเป็นกับรากผมที่ปักลึกเกินไป แก้ไขได้โดยคุณหมอจะสกิด ตุ่มน้ำ หรือรากผมนั้นออกด้วยปลายเข็มเล็กๆ ร่วมกับการทานยาปฏิชีวนะครับ ซึ่งก็ไม่น่ากังวลเช่นกันครับ
- ผิวหนังศีรษะบริเวณที่ปลูกผมใหม่มีสีเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป บางคนก็กังวล แต่ประเด็นนี้ ป้องกันไม่ยาก คือในช่วง 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด ไม่ควรไปตากแดดครับ
- อาการชาที่แผลผ่าตัด ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 6 เดือน แต่พบได้ไม่บ่อยครับ
- ผิวหนังศีรษะตำแหน่งที่นำรากผมมาปลูกใหม่มีลักษณะขรุขระ (Cobblestoning) ส่วนใหญ่เกิดจากการปักรากผม ในตำแหน่งตื้นเกินไป อันนี้แก้ไม่ได้เลยครับ แต่ไม่มีผลต่อการงอกของเส้นผมนะครับ
- ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ยังคงดำเนินต่อไป เรื่องนี้เราป้องกันยากครับ ทั้งด้วยอายุ และความแข็งแรงของรากผมร่วมด้วย ทั้งนี้ถ้าต้องการผ่าตัดปลูกผมครั้งที่สองเพิ่ม ก็ทำได้ แต่อาจจะทำได้ยากขึ้น และมีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะคนเรามีรากผมจำกัดครับ
การเตรียมตัวก่อนการปลูกผมแบบ FUE
- ควรหยุดยากระตุ้นรากผมอย่างน้อย 3 เดือน
- ควรหยุดยาทุกชนิดที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือมียาที่กินอยู่ประจำชนิดอื่นต้องแจ้งคุณหมอก่อน
- ควรหยุดใช้น้ำมันแต่งผม น้ำยาดัดผม น้ำยาย้อมผม น้ำยายืดผม น้ำยาโกรกผม หรือสารเคมีแปลกๆ ก่อนการปลูกผม
- ถ้าสามารถตัดผมสั้นได้ให้ตัดทันที เพื่อลดปริมาณสารเคมีที่ติดอยู่กับเส้นผมให้เหลือปริมาณน้อยที่สุด
การดูแลหลังผ่าตัดช่วงที่กลับบ้านแล้ว
- ต้องดูแลให้ดีโดยเฉพาะในช่วง 72 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ต้องระมัดระวังบริเวณแผลที่ท้ายทอย และแผลที่นำรากผมมาปลูกให้ดี เพราะอัตราการงอกหรือการติดของกราฟ ขึ้นกับช่วงเวลานี้มากที่สุดครับ
- ต้องปฏิบัตตัวตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัด ดีกว่าเจ็บตัว และเสียตังค์แล้วแต่ไม่ได้ผลนะครับ
- หลังผ่าตัดแนะนำให้พักประมาณ 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน ในช่วงนี้อาจจะยังมีผ้าก๊อซ ปิดแผลบางๆ ที่ท้ายทอยและที่ศีรษะด้านหน้า ที่ทำการปลูก เพื่อปกป้องรากผม หรือกร๊าฟไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือนมาก เพราะอาจจะทำให้กร๊าฟหลุดได้
- หลังจากนั้นอีก 1-2 วันแผลจะเริ่มตกสะเก็ด คุณสามารถไปทำงานได้ปกติหลัง 3 วันไปแล้ว
- ส่วนแผลที่ท้ายทอยปกติจะต้องตัดไหมประมาณ 7-10 วัน (กรณีที่ผิวหนังด้านนอกใช้ไหมไม่ละลายเย็บ แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะไม่ใช้ไหมละลาย เพราะจะให้แผลมีความแข็งแรงกว่า) ว่ากันแบบง่ายๆเลยคือ ถ้าผ่าตัดในช่วง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ คุณสามารถกลับไปทำงานได้ในวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป
**ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล และสภาพผิว**