ปัญหาไขมันส่วนเกิน
จัดเป็นปัญหาด้านความงามของคนวัยตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป โดยเฉพาะการสะสมของไขมัน ในจุดที่ไม่อยากให้เกิดโดยเฉพาะ ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก ทำให้หลายต่อหลายคนไม่มั่นใจ และเสียบุคลิกภาพมากๆ ครับ
สาเหตุหลักของการเกิดไขมันส่วนเกิน ก็มาจากการรับประทานอาหารที่เกินพอดีนั่นเองครับ (เพราะฉะนั้น หลังการรักษาก็ควรจะคุมอาหารครับ ทานเท่าที่พอดี เลี่ยงพวกอาหารที่มีแคลลอรี่สูงๆ เช่น กลุ่มแป้ง น้ำตาล ไขมัน ฯลฯ เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน และไม่เปลืองเงินมาทำทรีทเม้นต์กันบ่อยๆ ครับ ^^ )
ปกติแล้วพวกเราจะไม่ค่อยรู้ตัว เพราะทานเกินพอดีไปเรื่อยๆ และใช้เวลานานกว่าที่จะมีไขมันส่วนเกิน แต่พอมันมีในระดับหนึ่ง หรือพอมันสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ไขมันก็จะอ้วน พอง ใหญ่ และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รูปร่างขยายออก หรือใหญ่ขึ้น และอยู่ๆ ก็เห็นชัดว่าอ้วน หรือมีไขมันเฉพาะบางส่วนได้ครับ วงการแพทย์ด้านความงามก็เลยต้องทำหน้าที่กำจัดเจ้าไขมันพวกนี้ออกไปครับ ถ้าถามหมอว่าแล้ววิธีกำจัดอะไรที่ดีที่สุด หมอก็ตอบแบบหมอนะครับ ว่าควรออกกำลังกาย และควบคุมอาหารครับ ส่วนใหญ่คนไข้ก็จะถามต่อว่า แล้ววิธีไหนรองลงมา 5555
ปัจจุบันเรามีวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินหลายวิธี
ทั้งการดูดไขมัน การฉีด การนวด การใช้เครื่องเลเซอร์ ซึ่งแต่ละวิธีการมันก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกันไปครับ วันนี้หมอจะขอพูดในเรื่องของการฉีดสลายไขมัน เพราะมันเป็นวิธีที่เร็วที่สุด และไม่เสี่ยงเท่าการดูดไขมัน ราคาต่ำกว่าครับ และไม่ต้องทำบ่อยๆ เหมือนการนวดสลาย หรือการใช้เครื่องกลุ่ม RF ครับ
วิธีการกำจัดไขมันด้วย MESO FAT คืออะไร
Mesofat คือ วิธีการกำจัดไขมันส่วนเกิน วิธีหนึ่ง ด้วยการฉีดส่งยา ซึ่งมีสรรพคุณสลายไขมันที่สะสมในชั้นไขมัน โดยใช้กลุ่มยาหลายๆ ตัว เช่น Phosphatidylcholine,Deoxycholate,L-carnitine, Vitamin B complex ,Amino acids,Minerals ฯลฯ ฉีดลงไปบริเวณที่ต้องการลดไขมันโดยตรงครับ สำหรับปริมาณที่ฉีด ก็แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ เช่น บริเวณท้องแขน อาจจะใช้ 5-10 ซีซี ห่างกัน ทุก 1-2 ตร.ซม โดยฉีดลึกเข้าไปในชั้นไขมัน ตั้งแต่ 0.1 มม-12 มม. โดยเทคนิค เมโสเธอราพี (Mesotherapy) นั่นเองครับ
ในช่วงแรกๆ ของการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตัวยาที่นำมาฉีดในช่วงแรกๆ ค่อนข้างจะได้ผลไม่ดีนัก ได้ผลช้า และมีผลข้างเคียงมาก รู้สึกเจ็บขณะฉีด และมีรอยฟกช้ำหลังฉีดค่อนข้างมาก ต่อมาก็เลยพัฒนามาฉีด Carboxytherapy สลายไขมันแทน เพราะแม้จะเจ็บมากกว่า แต่ได้ผลกว่า และรอยฟกช้ำไม่ค่อยมีมากนักครับ
แต่ปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมัน สำหรับทำ Mesofat ให้สะดวก และทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น และผลข้างเคียง เรื่อง การฟกช้ำหลังฉีด น้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลง เพียง 2 อาทิตย์ต่อครั้ง ทำให้การทำ Carboxytherapy อาจจะเป็นทางเลือกหลังๆ เพราะเจ็บกว่า ใช้เวลาทำนานกว่า และต้องทำบ่อยกว่าคือ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งครับ ทำให้สาวๆ หันกลับมาสนใจการฉีดสลายไขมันด้วยวิธีกันมากขึ้น
กลไกของการสลายไขมันด้วยการฉีดแบบ MESO FAT
พบว่า ตัวยาจะไปทำให้ผนังไขมัน( Fat cell wall) แตกตัวออก ทำให้ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว ( Lipid Fat ) แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระ ด้วยระบบกำจัดของเสียของร่างกายเราตามปกติ
ตำแหน่งที่นิยมฉีดสลายไขมันด้วยวิธี MESO FAT
ได้แก่ ไขมันที่แก้ม เพื่อปรับหน้าให้เรียว ควบคู่กับการฉีด Toxinหน้าเรียว, ไขมันส่วนเกินที่คาง, ไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ต้นขา สะโพก พุง หน้าท้อง ไขมันที่เต้านม (Gynecomastia) และไขมันที่น่อง (โดยการเสริมการฉีดลดน่องด้วยสาร Toxin ควบคู่กันได้ครับ)
MESO FAT ฉีดลดไขมันที่ใดได้บ้าง
1. ไขมันข้างรักแร้
2. ไขมันที่ปีก หลัง
3. ต้นแขน ต้นขา
4. หน้าท้อง พุง เอว
6. หนังตาบนหย่อนคล้อย
7. น่อง (สามารถทำคู่กับการฉีด Toxin)
ข้อห้ามในการทำ MESO FAT มีดังนี้
1. สตรีมีครรภ์
2. คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
3. คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
4. คนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
5. คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
ข้อควรปฏิบัติหลังทำ MESO FAT มีดังนี้
1. ควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 2 ลิตร เพราะไขมันเหลวที่โดนสลายด้วยการฉีด Mesofat จะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับไขมันส่วนเกินที่สลายให้ออกจากร่างกายได้มากขึ้นครับ
2. ช่วงที่เว้นการฉีด Meso Fat แนะนำให้ทำ RF เพื่อช่วยรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้มากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยหลังฉีด โดย หลักการทำงานของ RF จะทำให้โครงสร้าง คอลลาเจนแข็งแรงขึ้นครับ
3. อาจจะพบอาการบวมช้ำ หรืออาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำถือเป็นเรื่องปกตินะครับ
4. หลังทำ 1 อาทิตย์ ควรเลี่ยงการเข้าซาวน่า การนวด หรือดื่มอัลกอฮอล์ หรือการนวด กดบริเวณที่ฉีดเพื่อลดการฟกช้ำให้น้อยลง
5. เพื่อลดการสะสมของไขมันใหม่ ควรควบคุมอาหาร เลี่ยงแป้งและไขมัน
6. พบว่าในบางคน หลังจากฉีดลดไขมันแล้วผิวหนังยังมีการหย่อนคล้อย การทำ RF + การฉีด Mesofirming จะช่วยให้การหย่อนคล้อยกระชับขึ้นได้เร็วขึ้น สามารถทำได้ ตามคำแนะนำของคุณหมอเลยครับ
รูปแสดง ก่อน – หลัง