HAIR IMPLANT
ความจริงเกี่ยวกับเส้นผม
โดยปกติแล้วเส้นผมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ และอาจสูญเสียความหนาแน่น ไปตามอายุของเรา ปัญหาเส้นผมเปราะขาด บาง หรือหลุดร่วงเกิดขึ้นกับคน 64% ทั่วโลกในทุกช่วงอายุ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ครับ คงไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจอปัญหานี้
ภาพวงจรการเติบโตของเส้นผม
ปกติคนเราจะมีเส้นผมอยู่ทั่วศรีษะประมาณ 90,000 – 140,000 เส้น ผู้หญิงจะมีเส้นผมมากกว่าผู้ชาย เส้นผมแต่ละเส้นมีวงจรชีวิตอยู่ในช่วง 2 -6 ปีโดยประมาณ โดย 90% เป็นผมที่มีการเจริญเติบโต (anggen phase) คือจะยาวอยู่เรื่อยๆ และ 10% อยู่ในระยะพัก (telogen phase) ซึ่งระยะนี้จะไม่ยาวอีกแล้ว แถมจะร่วงหลุดไปภายใน 2-3 เดือน และมีผมสั้นใหม่เจริญขึ้นมาแทนโดยปกติแล้วผมจะร่วงประมาณ 50–100 เส้นต่อวัน ถ้าผมร่วงมากกว่า 100 เส้น จะถือว่ามีผมร่วงมากกว่าปกติ ในผู้ชายร่วงได้ไม่เกิน 60 เส้น/วัน ในผู้หญิงร่วงได้ไม่เกิน 100 เส้น/วัน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะผมจะขึ้นใหม่หลังจากร่วงไปภายใน 6 เดือน
สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมน้อย ผมบาง
- การทำผมหรือทำทรีทเมนต์ผมที่รุนแรงเกินไป การใช้สารเคมี ทั้งการทำสี การกัดสี การยืดผม การดัดผม ที่มากเกินไป หรือบ่อยเกินไป รวมไปถึงการมัดผม หรือการถักเปียที่แน่นเกินไป การแสกผมที่ทำประจำ ก็มีส่วนทำให้ผมร่วงได้
- ผมร่วงแบบศีรษะล้านจากพันธุกรรม แบบนี้พบได้บ่อยในผู้ชาย แต่ก็พบได้ประปรายในผู้หญิง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (ซึ่งพบทั้งในผู้ชายและผู้หญิง) ที่ทำให้เกิดอันตรายต่อรากผม โดยปกติในผู้หญิงจะมีปริมาณฮอร์โมนนี้อยู่ในน้อยกว่า แต่เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงลดลง เช่น ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน จะทำให้ฤทธิ์ของฮอร์โมนตัวนี้เด่นขึ้น แล้วก็เกิดภาวะผมบางได้เช่นกันสำหรับ
ภาพผมร่วงแบบศีรษะล้านจากพันธุกรรม
- ผมร่วงอาจเกิดจากภาวะความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ผู้ป่วยที่มีฮอร์โมนไทรอยด์สูงและไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ การได้รับยาเม็ดคุมกำเนิด, หญิงวัยหมดประจำเดือน, การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออก การตั้งครรภ์ โรคบางโรคอาจทำให้เกิดผมร่วงได้ เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDs), โรคเอสแอลอี (SLE) , หรือโรคมะเร็งบางชนิด
- ภาวะความเจ็บป่วยหรือการผ่าตัด สามารถที่จะทำให้รากผมเข้าสู่ระยะพัก เนื่องจากร่างกายต้องต่อสู้กับโรคภัย และความเครียดที่เกิดขึ้น ร่างกายจะหยุดการทำงานที่ไม่จำเป็นเช่น การสร้างผมก็หยุดไว้ แต่ผมร่วงที่เกิดจากสาเหตุนี้จะกลับมาขึ้นใหม่ได้เอง ภายใน 6 เดือน
- การขาดอาหาร การลดน้ำหนัก อดอาหาร หรือในผู้ป่วยโรคจิตบางชนิด เช่น อนอเรกเซีย, บูลีเมีย (anorexia, bulimia) อาจทำให้รากผมเกิดภาวะช็อค และหยุดการเจริญชั่วคราวได้
- การใช้ยาบางประเภท ยาบางประเภทมีผลข้างเคียงทำให้เกิดผมร่วงเช่น ยาเคมีบำบัด, ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง, ยารักษาโรคเก๊าฑ์, วิตามิน A ขนาดสูงที่ใช้ในการรักษาสิว ดังนั้นหากต้องใช้ยาอะไรเป็นประจำแล้วมีภาวะผมร่วงเกิดขึ้น ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และเปลี่ยนชนิดยา ส่วนใหญ่ผมที่ร่วงไปก็จะกลับขึ้นใหม่ได้ไม่ยาก
- อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น การเจริญของผมจะช้าลง การป้องกันผมร่วงจากภาวะนี้ค่อนข้างยาก แต่สิ่งที่จะพอช่วยได้คือ หลีกเลี่ยงสาเหตุอื่น ๆ ที่จะทำให้ผมร่วงมากขึ้นไปอีก เช่น ใช้แชมพูอ่อน หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่ผม รับประทานอาหารให้ครบหมู่ และออกกำลังกาย รักษาสุขภาพให้แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย ก็จะไม่เป็นการซ้ำเติมให้เส้นผมหลุดร่วงมากขึ้น
วิธีการรักษาผมร่วง ผมบาง
วิธีการรักษาโดยทั่วไปที่มีอยู่ ก็จะมีตั้งแต่ทานยา ทายารักษา ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ ใช้เทคโนโลยีฉีดสารกระตุ้นรากผม และเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปจนถึงการปลูกผมถาวร ทั้งแบบผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งหลายคนเข้าใจว่า หนทางสุดท้ายคือการผ่าตัด จริงๆ แล้วมันคุ้มมั้ย อาจต้องพิจารณากันหลายข้อ
โดยปกติทั่วไปแล้ว แนวทางการรักษาคร่าวๆ แบ่งเป็น 2 แนวทาง
- รากผมยังไม่ตาย กรณีนี้เลือกรักษาได้ทั้งยาทา ยากิน การทำเลเซอร์ การฉีดยากระตุ้นรากผม ผลลัพธ์ของการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ สำคัญสุดคือ ความแข็งแรงของรากผม รองมาคือ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยี และระยะเวลา
- รากผมตายแล้ว หรือที่เราเรียกกันว่าหัวล้านนั้นเอง การรักษาด้วยยา หรือเทคโนโลยีใดๆ ที่กระตุ้นรากผมให้ผลิตเส้นผมนั้นไม่ได้ผลแน่นอนแล้ว ทางที่จะรักษาได้นั่นคือต้องปลูกผมถาวร อาจจะด้วยวิธีผ่าตัดแผ่นหนังศีรษะ FUT ผ่าตัดย้ายเซลล์รากผม FUE หรือการปลูกผมด้วยเส้นผมเทียม หรือวิธี ปลูกผมด้วย Bio Fibre
แนวทางการรักษา กรณีรากผมตายแล้ว
- การปลูกผมที่ต้องผ่าตัด FUT – Follicular Unit Transplantation คือ เทคนิควิธีการศัลยกรรมปลูกผมโดยศัลยแพทย์จะทำการตัดหนังศีรษะออกมาแถบหนึ่ง เย็บหนังศีรษะเข้าหากัน แล้วนำแถบผมที่ได้มาแบ่งเซลล์ผมออกเป็นกอๆ (หรือที่มักเรียกกันว่า”กราฟ”) แล้วเอาไปปลูกในบริเวณที่รากผมตายแล้ว
- การปลูกผมด้วยวิธีย้ายรากผม FUE- Follicular Unit Extraction เป็นเทคนิกการเจาะเอารากผมเพื่อไปใช้ปลูก วิธีการคือใช้หัวเจาะขนาดเล็ก ที่มีความคมเจาะเอารากผมขึ้นมา แล้วย้ายไปปลูกในบริเวณที่หัวล้าน วิธีนี้ต้องทำอย่างละเอียดประณีตอย่างมาก เพราะการเจาะลงไปเอารากผมขึ้นมา ถ้าไม่ชำนาญจะทำให้หัวเจาะไปตัดรากผมขาดได้ ไอ้ที่มีอยู่รากก็ขาด ที่ล้านก็ไม่มีมาใส่เพิ่ม วิธีนี้จึงใช้เวลานานและราคาค่อนข้างสูง
ภาพ แสดงการเปรียบเทียบระหว่าง FUT กับ FUE
ภาพแสดงการผ่าตัดปลูกผมแบบ FUT
ภาพแสดงการผ่าตัดปลูกผมแบบ FUE
- การปลูกผมโดยใช้หุ่นยนต์ (the ARTAS® Robotic Procedure) ก็จัดเป็นการปลูกผมด้วยวิธี FUE ชนิดหนึ่ง แต่แม่นยำขึ้นมานิดนึงคือใช้หุ่นยนต์ช่วยคุณหมอ ในการเจาะรูของเส้นผมด้านหลัง แต่การ นำเซลล์มาปลูกบริเวณที่ล้าน ก็ยังต้องเป็นคุณหมอทำอยู่ดี
ข้อจำกัดของการปลูกผมถาวร ควรรู้ก่อนตัดสินใจ
- ศัลยกรรมปลูกผม ทำได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทุกรายที่จะทำวิธีนี้ได้ ผู้ที่จะสามารถทำการปลูกผม ด้วยศัลยกรรมแบบ FUT, FUE ได้ต้องมีผมที่ท้ายทอย หรือเหนือกกหู เป็นเส้นผมขนาดใหญ่ และปริมาณความหนาแน่นต้องมากพอ (ในคนปกติจะมีรากผม ประมาณ 50-80 รากต่อหนึ่งตารางเซ็นติเมตร ยิ่งมากกว่านี้ยิ่งดี)
- การปลูกให้ดูเหมือนธรรมชาติ สวยงามตามแนวผมเดิม นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์ของคุณหมอ และทีมผู้ช่วย ทั้งผู้ส่องกล้องหั่นเตรียมรากผม และผู้ที่นำรากผมมาปักปลูกภายใต้การกำกับ อย่างใกล้ชิดของคุณหมอ เครื่องมือที่ใช้ในการปลูกผม ต้องดีมากๆ โดยเฉพาะกล้อง ขยายกำลังสูง ที่ใช้ในการเตรียมกร๊าฟท์ และเครื่องมือในการเจาะเพื่อสร้างรูขุมขนใหม่ รวมถึงพื้นที่ที่ผมบาง จะต้องไม่ใหญ่เกินไป
- การรักษาด้วยวิธีนี้จึงใช้เวลาทําค่อนข้างนานโดยปกติ1000-2000กร๊าฟท์จะใช้เวลา ประมาณ 4 ชั่วโมง (แต่บางครั้ง 1,000 กราฟแรก อาจใช้เวลา ถึงเกือบ 5 ชั่วโมง) เพราะ คุณหมอต้องใช้สมาธิมาก
ผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัดที่ต้องระวัง
แม้ว่าการปลูกผมจะเป็นที่ยอมรับ ในวงการแพทย์ ทั้งไทยและทั่วโลกก็ตาม แต่ก็ยังมีผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ที่ไม่คาดคิดให้เห็นกันบ่อยๆ แม้จะเป็นฝีมือคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่สุดแล้วก็ตามครับ
- รากผมที่นำมาปลูกใหม่อักเสบ (Folliculitis) ข้อนี้ รักษาไม่ยากครับ แค่ทานยาปฏิชีวะนะก็หายครับ
- เส้นผมงอกม้วนเข้าไปในใต้ผิวหนัง (Ingrowing Hair) ทำให้มีตุ่มน้ำ และอักเสบเรื้อรัง มักจะเป็นกับรากผมที่ปักลึกเกินไป แก้ไขได้โดยคุณหมอจะสกิด ตุ่มน้ำ หรือรากผมนั้นออกด้วยปลายเข็มเล็กๆ ร่วมกับการทานยาปฏิชีวนะครับ ซึ่งก็ไม่น่ากังวลเช่นกันครับ
- ผิวหนังศีรษะบริเวณที่ปลูกผมใหม่มีสีเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป บางคนก็กังวล แต่ประเด็นนี้ ป้องกันไม่ยาก คือในช่วง 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด ไม่ควรไปตากแดดครับ
- อาการชาที่แผลผ่าตัด ซึ่งมักจะหายไปเองภายใน 6 เดือน แต่พบได้ไม่บ่อยครับ
- ผิวหนังศีรษะตำแหน่งที่นำรากผมมาปลูกใหม่มีลักษณะขรุขระ (Cobblestoning) ส่วนใหญ่เกิดจากการปักรากผม ในตำแหน่งตื้นเกินไป อันนี้แก้ไม่ได้เลยครับ แต่ไม่มีผลต่อการงอกของเส้นผมนะครับ
- ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ยังคงดำเนินต่อไป เรื่องนี้เราป้องกันยากครับ ทั้งด้วยอายุ และความแข็งแรงของรากผมร่วมด้วย ทั้งนี้ถ้าต้องการผ่าตัดปลูกผมครั้งที่สองเพิ่ม ก็ทำได้ แต่อาจจะทำได้ยากขึ้น และมีข้อจำกัดมากขึ้น เพราะคนเรามีรากผมจำกัดครับ
เจาะลึกการปลูกผม แบบ Bio Fibre
การปลูกผม แบบ Bio Fibre เป็นเทคนิควิธีการสร้างเส้นผมทดแทนด้วยเส้นผมเทียม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดจาก อิตาลี วิธีนี้สามารถตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อย่ากเสี่ยงกับการติดเชื้อหลังการผ่า หรือในกรณีที่ไม่สามารถปลูกผมแบบมีแผลผ่าตัด (FUT – Follicular Unit Transplantation) หรือไม่มีแผลผ่าตัด (FUE – Follicular Unit Extraction)ได้ เช่นผู้ที่หนังศรีษะเป็นแผลเป็น มีผังผืด ไม่สามารถใช้การเจาะหนังศรีษะ เพื่อฝังรากผมที่ถอนออกมาได้
วิธีการปลูกผมแบบ Bio Fibre ได้รับการยมรับ จากแพทย์ทั่วโลก ในเรื่องความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่น่าพอใจ 100% วิธีการนี้ เป็นที่นิยมมากใน ฝั่งยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาในเมืองไทยเมื่อไม่นานมานี่
- เส้นผมเทียมที่นำมาใช้นั้นเป็นสารสังเคราะห์โพลีเอธีลีนเทเลพทาเลท ซึ่งไม่มีอันตรายหรือปฏิกิริยาใดๆ ต่อร่างกายอย่างแน่นอน รวมทั้งได้รับการอนุมัติจาก อย. เรียบร้อยแล้ว
- เส้นผมมีให้เลือกหลากสีสันตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคลทั้งสีดำ, น้ำตาลอ่อนและน้ำตาลแก่ ทั้งผมยาว ผมตรง ผมหยักศกเป็นต้น
- การปลูกผมด้วยเส้นผมเทียมนั้นจะเริ่มต้นจากการที่ทางแพทย์ออกแบบการวางแนวที่จะปลูกผมให้แลดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมที่สุดกับคนไข้แต่ละราย หลังจากนั้นจึงทำการฉีดยาชาลงบนบริเวณหนังศีรษะแล้วค่อยนำเส้นผมเทียมปักลงไปตามแนวที่วางเอาไว้
- การรักษาจะไม่มีแผลเปิดแต่อย่างใด และระยะเวลาในการปลูกผมนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณมากน้อย ของบริเวณที่จะทำ แต่ใช้เวลาน้อยกว่า FUE และ FUT ครับ
- หลังการปลูกผม คนไข้สามารถที่จะกลับบ้านได้เลย โดยไม่ต้องนอนพักค้างคืนที่โรงพยาบาลแต่อย่างใด แต่ให้งดสระผมในช่วง 3 วันแรก แล้วจึงสระได้ตามปกติด้วยแชมพูอ่อนๆ หรือแชมพูที่ทางคลินิกจัดให้ โดยในช่วงเดือนแรก นั้นควรระมัดระวังในการหวีผม, ไดร์ผม และเป่าผม เนื่องจากผมเทียมที่ปลูกไว้นั้นมันยังไม่แข็งแรงมากพอ และที่สำคัญภายใน 2 เดือนแรก ห้ามอบน้ำร้อนหรือหมักโคลนเด็ดขาดเนื่องจากโคลนอาจจะดึงเอาเส้นผมหลุดติด ออกไปด้วย ซึ่งเฉลี่ยแล้วผมเทียมที่ปลูกไว้จะมีการหลุดร่วงราว 10-20% ต่อปี ดังนั้นจึงควรไปรับการปลูกซ่อมแซมบางส่วนเพิ่มเติมปีละ 1-2 ครั้ง
ข้อได้เปรียบของการปลูกผมแบบ Bio Fibre
- วัสุดผมเทียมเป็นวัสดุพิเศษ (Medical grade) โดยเป็นสารสังเคราะห์โพลีเอธีลีนเทเลพทาเลท ซึ่งไม่มีอันตรายหรือปฏิกิริยาใดๆ ต่อร่างกายอย่างแน่นอน
- เป็นวัสดุแบบเดียวกันกับที่ใช้ในผู้ป่วยไฟไหม้
- ไม่ใช่วิก ไม่ต้องใช้เทป หรือคลิปหนีบ แต่เป็นการฝังลงไปบนหนังศีรษะ ชั้น Subgaleal Space ซึ่งมีความหนาแน่นและไม่หลุดร่วงง่ายๆ
- การฝังเป็นแบบเส้นต่อเส้น ไม่ใช้การทอ
- ไม่หนา ไม่แหว่ง ไม่ดูเป็นกอๆ ไม่ดูผิดธรรมชาติ ไม่เหมือนวิก หรือ hairpiece
- ทำสีผม ดัดผม ไดร์ผม ว่ายน้ำได้ ออกกำลังกาย เล่นกีฬาได้
- ไม่เห็นรอยต่อ เสยผม แสกผม มัดผมขึ้นไปได้ แหวกดูแล้วเห็นเป็นหนังศีรษะปกติ ไม่มีรอยแผลเป็น
- เลือกทรงผมได้หลากหลาย เป็นธรรมชาติ ได้ทุกทรง
- ใช้เวลาเพียง 1-2 ชม. ก็เสร็จเรียบร้อย
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- เห็นผล 100% ทันทีหลังทำ ไม่ต้องรอผมงอกใหม่ ไม่ต้องกังวลว่าผมจะงอกหรือไม่งอก
- ปลูกได้ไม่จำกัดจำนวนกราฟ เปรียบเทียบกับการผ่าตัดปลูกผมจะทำได้แค่ประมาณ 5,000 – 6,000 เส้นเท่านั้น
- การดูแลรักษาง่ายกว่าการผ่าตัดปลูกผม
- สามารถหยุดได้ทันที เมื่อต้องการ
- สามารถทำควบคู่กับการรักษาแบบอื่นๆ ได้
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และสภาพผิว*